นักธรรมศึกษาชั้นโท เนื้อหาวิชาศาสนพิธี
|
บทนิเทศ
พิธี คือ แบบอย่างหรือแบบแผนต่าง ๆ
ที่พึงปฏิบัติในทางศาสนาโดยเฉพาะพระพุทธศาสนา เรียกว่า
ศาสนพิธี ความจริงเรื่องพิธีเป็นเรื่องที่มีด้วยกันทุกศาสนาและเกิดขึ้นทีหลังศาสนา คือ ศาสนาเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงมีพิธีต่าง ๆ เกิดตามมาภายหลัง เหตุที่เกิดศาสนาพิธีในพระพุทธศาสนา ก็เนื่องมาจากหลักการของพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงวางไว้ตั้งแต่ปีที่พระองค์ตรัสรู้ เพื่อให้พุทธสาวกถือเป็นหลักในการออกไปประกาศพระศาสนา มีหลักทั่ว ๆ ไปว่า (๑)สอนไม่ให้ทำความชั่ว (๒)สอนให้ทำความดี (๓)สอนให้ทำจิตใจให้ผ่องใส
ศาสนพิธี ความจริงเรื่องพิธีเป็นเรื่องที่มีด้วยกันทุกศาสนาและเกิดขึ้นทีหลังศาสนา คือ ศาสนาเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงมีพิธีต่าง ๆ เกิดตามมาภายหลัง เหตุที่เกิดศาสนาพิธีในพระพุทธศาสนา ก็เนื่องมาจากหลักการของพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงวางไว้ตั้งแต่ปีที่พระองค์ตรัสรู้ เพื่อให้พุทธสาวกถือเป็นหลักในการออกไปประกาศพระศาสนา มีหลักทั่ว ๆ ไปว่า (๑)สอนไม่ให้ทำความชั่ว (๒)สอนให้ทำความดี (๓)สอนให้ทำจิตใจให้ผ่องใส
เพราะหลักการทั้ง ๓ อย่างนี้
จึงเป็นเหตุให้พุทธบริษัทต้องพยายามเลิกละความประพฤติชั่วทุกอย่างจนเต็มความสามารถ
และพยายามสร้างกุศลสำหรับตนให้พร้อมเท่าที่จะทำได้
พร้อมกับพยายามชำระจิตใจให้ผ่องใสอยู่เสมอ ด้วยการพยายามทำตามคำสอนดังกล่าวนี้
เป็นการพยายามทำความดี เรียกว่าทำบุญ พระพุทธองค์ทรงแสดงทางไว้เป็นหลักเรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ
มี ๓ ประการ คือ (๑)ทาน (๒)ศีล (๓)ภาวนา
บุญกิริยาวัตถุนี้เองเป็นแนวทางให้พุทธบริษัทได้บำเพ็ญบุญตามหลักการที่กล่าวข้างต้น
และเป็นมูลเหตุให้เกิดศาสนพิธีต่าง ๆ ขึ้นเป็นประเพณีนิยม คือ ในเวลาต่อ ๆ มา
พุทธบริษัทนิยมทำบุญกัน ไม่ว่าจะปรารภเหตุใด ๆ ก็ทำให้เข้าหลักของบุญกิริยาวัตถุ ๓
ประการนี้ โดยเริ่มต้นด้วยการรับศีล ต่อไปก็ภาวนาด้วยการสวดมนต์เอง
หรือฟังพระสวดแล้วส่งใจไปตาม จบลงด้วยการบริจาคทานตามสมควรแก่ศรัทธา
เพราะพุทธบริษัทนิยมการทำบุญเป็นการบำเพ็ญความดี และทำตามในกรณีต่าง ๆ
กันตามเหตุที่ปรารภ จึงได้เกิดพิธีกรรมขึ้นมามากมาย เมื่อพิธีกรรมใด เป็นที่นิยมและรับรองปฏิบัติสืบ
ๆ กันมาจนเป็นประเพณี พิธีกรรมนั้นก็ได้กลายมาเป็นศาสนพิธีขึ้น
ดังนั้นนักเรียนจึงจำเป็นต้องศึกษาให้รู้และเข้าใจในเรื่องพิธีกรรมให้ลึกซึ้งและถี่ถ้วน
ยิ่งศึกษาให้รู้กว้างขวางและละเอียดเพียงใด
ก็จะเป็นประโยชน์แก่พระศาสนาเพียงนั้น เพราะพิธีการแต่ละอย่างที่เกิดเป็นความนิยมในพระพุทธศาสนานี้
ย่อมเกิดโดยอาศัยเหตุผลและมีจุดหมาย.
ในศาสนพิธีเล่ม
๒ นี้ ท่านได้แสดงพิธีไว้ ๔ หมวด คือ
๑. หมวดกุศลพิธี ว่าด้วยวิธีบำเพ็ญกุศล
๒. หมวดบุญพิธี ว่าด้วยพิธีทำบุญ
๓. หมวดทานพิธี ว่าด้วยพิธีถวายทาน
๔.
หมวดปกิณกะ ว่าด้วยพิธีเบ็ดเตล็ด คือ เรื่องทั่ว ๆ ไป
หมวดที่ ๑ กุศลพิธี
กุศลพิธี คือ พิธีกรรมต่าง ๆ
อันเกี่ยวเนื่องด้วยการอบรมความดีงามทางพระพุทธศาสนา
ในหมวดนี้พิธีกรรมส่วนใหญ่เป็นของสงฆ์ที่จะปฏิบัติตามวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
รวมทั้งวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป เพื่อความดีงามตามพระวินัยทั้งตัวพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติเอง
และหมู่คณะรวมทั้งพระพุทธศาสนาด้วย บางอย่างก็เป็นจารีตประเพณี
ที่พระสงฆ์ได้ถือปฏิบัติสืบ ๆ กันมาโดยความเห็นชอบร่วมกัน
จนได้กลายมาเป็นประเพณีนิยมของสงฆ์ในปัจจุบันโดยแยกออกเป็นประเภทได้ดังต่อไปนี้
คือ
๑. พิธีเข้าพรรษา ๒. พิธีถือนิสสัย
๓. พิธีทำสามีจิกรรม ๔. พิธีทำวัตรสวดมนต์
๕. พิธีกรรมวันธรรมสวนะ ๖. พิธีทำสังฆอุโบสถ
๗. พิธีออกพรรษา
แนวคำถาม - คำตอบ
๑. กุศลพิธีคืออะไร ในหนังสือศาสนพิธีเล่ม ๒ มีกี่ประเภท
อะไรบ้าง ?
๑. กุศลพิธี คือ พิธีกรรมอันเกี่ยวเนื่องด้วยการอบรมความดีงามทางพระพุทธศาสนา
มี ๗ ประเภท คือ
๑. พิธีเข้าพรรษา ๒. พิธีถือนิสสัย
๓. พิธีทำสามีจิกรรม ๔. พิธีทำวัตรสวดมนต์
๕. พิธีกรรมวันธรรมสวนะ ๖. พิธีทำสังฆอุโบสถ
๗. พิธีออกพรรษา
๒.พิธีเข้าพรรษา พิธีทำอุโบสถสังฆกรรมและพิธีออกพรรษามีความหมายและกำหนดกาลไว้อย่างไร
?
๒.พิธีเข้าพรรษา หมายถึง
พิธีที่พระสงฆ์ประชุมพร้อมกัน
เพื่อประกอบพิธีอธิษฐานจิตเข้าอยู่จำพรรษาตลอด ๓ เดือน ปกติกำหนดวันแรม ๑
ค่ำ เดือน ๘ พิธีทำอุโบสถสังฆกรรม หมายถึง พิธีที่พระสงฆ์ประชุมพร้อมกันในเขตสีมา แล้วประกอบพิธีทำอุโบสถสวดพระปาติโมกข์
กำหนดวันอุโบสถทุกกึ่งเดือน พิธีออกพรรษา หมายถึงพิธีที่พระสงฆ์ประชุมพร้อมกันในเขตสีมา แล้วประกอบพิธีทำปวารณากรรม
ตามพระวินัยกำหนดวันเพ็ญเดือน ๑๑ ซึ่งปวารณาแล้วต้องรออยู่รับอรุณในวันนั้นอีก ๑
ราตรี
๓. สามีจิกรรมมีกี่แบบ นิยมทำในโอกาสไหนบ้าง ?
๓. สามีจิกรรมมี ๒ แบบ คือ แบบขอขมาโทษ และแบบถวายสักการะ
แบบขอขมาโทษนิยมทำในโอกาสต่อไปนี้คือ
๑) ในวันเข้าพรรษา ภิกษุสามเณรที่อยู่วัดเดียวกัน
ควรทำสามีจิกรรมต่อกันตามลำดับตั้งแต่ผู้มีพรรษามากที่สุด ถึงสามเณร ไม่ควรเว้น
เพื่อความสามัคคีภายในวัด
๒) ในระยะเข้าพรรษา เริ่มตั้งแต่วันเข้าพรรษา ไปจนถึงหลังวันเข้าพรรษาประมาณ
๗ วัน ควรทำสามีจิกรรมต่อท่านที่เคารพนับถือ ซึ่งอยู่ต่างวัด
๓) ในโอกาสจะลาจากกันไปอยู่วัดอื่นหรือถิ่นอื่น
นิยมทำต่อท่านผู้มีพรรษามากกว่าตนในวัด และต่อท่านที่เคารพนับถือทั่วไป
เป็นการลาจากกัน
ส่วนแบบถวายสักการะเป็นการแสดงมุทิตาจิต
นิยมทำต่อท่านที่ตนเคารพนับถือ ในโอกาสที่ท่านได้รับยศถาบรรดาศักดิ์
เป็นการแสดงจิตใจที่พลอยยินดีให้ปรากฏ.
๔. การทำวัตรสวดมนต์
ถือเป็นกุศลสมาทานที่นิยมทำกันอยู่ในหมู่พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์นั้น
มีความมุ่งหมายอย่างไร ?
๔. มีความมุ่งหมายเพื่อจะให้จิตใจเบิกบานแจ่มใส ด้วยคุณของพระรัตนตรัย
และยังเป็นอุบายสงบจิตใจมิให้คิดฟุ้งซ่านในอารมณ์ต่าง ๆ ได้ชั่วขณะ
ทำให้จิตใจสุขุมเยือกเย็น
สำหรับบรรชิตยังมีผลทางพระวินัยที่สามารถปลดเปลื้องมลทินบางอย่างในการบริโภคปัจจัยโดยไม่ทันได้พิจารณา
และมีผลในการอนุโมทนาปัจจัยทานของทายกและเป็นโอกาสให้ได้แผ่ส่วนกุศลของตนแก่ผู้อื่นด้วยจิตอันบริสุทธิ์
๕. วันธรรมสวนะคืออะไร
สืบเนื่องมาแต่ครั้งไหน ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร ?
๕. คือ วันกำหนดประชุมฟังธรรม
ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า วันพระ พุทธบริษัทปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่ครั้งพุทธกาล
ก่อให้เกิดประโยชน์คือ เป็นสิริมงคลเกิดสติปัญญา
มีคุณค่าเพราะเป็นเหตุให้ได้รับอานิสงฆ์จากการฟังธรรม.
๖. การออกพรรษาหมายถึงอะไร ?
๖. การออกพรรษาเป็นการเรียกโดยทั่วไป
หมายถึงวันสิ้นสุดกำหนดจำพรรษาตามพระวินัยเรียกตามภาษาพระวินัยว่า ปวารณากรรม
คือ การปวารณารวมกันของสงฆ์ที่อยู่รวมกันมาตลอด ๓ เดือน การทำปวารณากรรมนั้น
คือยินยอมให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ทุกกรณี ทำในวันครบ ๓ เดือนตามจันทรคติ
ตรงกับวันเพ็ญเดือน ๑๑ ของทุก ๆ ปี ในวันทรงอนุญาตให้ทำปวารณากรรมแทนอุโบสถกรรม
๗. กุศลพิธีในศาสนพิธีเล่ม ๑ และ เล่ม ๒ มีความมุ่งหมายต่างกันอย่างไร
ขอฟังความเห็น ?
๗. มีความหมายต่างกันคือ กุศลพิธีของคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนจะพึงกระทำคือ
ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบแบบแผน แต่ในศาสนพิธีเล่ม ๒
เน้นหนักไปในพิธีบรรพชิต.
หมวดที่ ๒ บุญพิธี
บุญพิธีในศาสนพิธีเล่ม
๑ เป็นหลักทั่วไป ๒ ประการคือ งานมงคล งานอมงคล
แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงพิธีในส่วนของพระสงฆ์
เพราะงานนั้นจะสำเร็จด้วยดีก็ต้องอาศัยพระภิกษุสงฆ์
ถ้าภิกษุสงฆ์ผู้ประกอบพิธีปฏิบัติไม่ถูกหลักหรือขาดเหตุผลโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์แล้วอาจเป็นเหตุให้บุญพิธีทั้งหมดคลายความศักดิ์
หรือผิดวัตถุประสงฆ์ของฝ่ายเจ้าภาพได้
ฉะนั้นเรื่องบุญพิธีที่ควรศึกษาต่อไปในที่นี้จะนำพิธีสงฆ์ในงานทำบุญต่าง ๆ
มาชี้แจง โดยประมวลเป็นหัวข้อเรื่อง ๙ เรื่อง คือ
๑. พิธีทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ ๒. พิธีเจริญพระพุทธมนต์
๓. พิธีสวดพระพุทธมนต์ ๔. พิธีสวดพระอภิธรรม
๕. พิธีสวดมาติกา ๖.
พิธีสวดแจง
๗. พิธีสวดถวายพรพระ ๘. พิธีอนุโมทนากรณีต่าง ๆ
๙. พิธีธรรมเทศนา
แนวคำถาม - คำตอบ
๑. วันเทโวโรหณะ เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าอย่างไร ?
๑. เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากเทวโลก หลังจากเสด็จขึ้นไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และได้ทรงแสดงพระอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
เป็นเวลา ๓ เดือน จึงเสด็จลงมาจากเทวโลกมาสู่มนุษย์โลก ที่สังกัสสนคร
และตรงกับวันมหาปวารณาเพ็ญเดือน ๑๑
๒.การเจริญพระพุทธมนต์กับการสวดพระพุทธมนต์ต่างกันอย่างไรงานขึ้นบ้านใหม่งานบุพการีใช้เรียกอย่างไร
๒. การเจริญพระพุทธมนต์ หมายถึง
การที่พระสงฆ์สาธยายมนต์ในงานมงคล การสวดพระพุทธมนต์ หมายถึง
การที่พระสงฆ์สาธยายมนต์ในงานอวมงคล งานขึ้นบ้านใหม่ ใช้คำว่าเจริญพระพุทธมนต์
ส่วนงานบุพการี ใช้คำว่า สวดพระพุทธมนต์.
๓. คำว่าสวดมาติกา และสดับปกรณ์ มีความหมายต่างกันอย่างไร ?
๓. การสวดมาติกา ก็คือ
การสวดบทมาติกาของพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ ซึ่งมีพิธีบังสุกุลเป็น พิธีสุดท้ายเป็นประ
เพณีให้พระสงฆ์สวดในงานทำบุญศพอย่างหนึ่ง เรียกโดยโวหารทางราชการ งานหลวงว่า สดัปกรณ์ แต่ราษฎรทั่วไป เรียก
สวดมาติกา.
๔. พิธีสวดพระอภิธรรม มีกี่อย่าง อะไรบ้าง ทำบุญ ๗ วัน ๕๐ วัน เป็นต้น
จัดเข้าในอย่างไหน ?
๔. มี ๒ อย่าง คือ สวดพระอภิธรรมหน้าศพอย่างหนึ่ง
สวดหน้าไฟในขณะฌาปนกิจอย่างหนึ่ง ทำบุญ ๗ วัน
๕๐วันเป็นต้นจัดเข้าในพิธีสวดอภิธรรมหน้าศพ
๕. พิธีสวดถวายพรพระ มีกี่วิธี อะไรบ้าง มีพิธีสวดในงานเช่นไร ?
๕. มีอยู่ ๒ วิธี คือ สวดถวายพรพระในกรณีสามัญ ๑ สวดถวายพรพระในกรณีพิเศษ ๑
ในงานทำบุญถวายภัตตาหารพระ เป็นต้น
๖. การจัดให้มีพระธรรมเทศนาอย่างที่จัดให้มีอยู่ในปัจจุบันเป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาอย่างไรเพราะเหตุไร
?
๖. เป็นประเพณีที่สืบเนื่องมานานตั้งแต่ครั้งพุทธกาล เพราะถือกันว่า
พระพุทธศาสนาจะตั้งอยู่ได้ยังยืนก็เพราะอาศัยการประกาศเผยแพร่พระพุทธรรม
คำสั้งสอนของพระพุทธเจ้านี้แหละคือการจัดให้มีพระธรรมเทศนาในโอกาสอันสมควร
หมวดที่ ๓ ทานพิธี
การถวายทานในศาสนพิธีเล่ม
๒ นี้ มี ๑๖ อย่าง คือ
๑. พิธีถวายสังฆทาน ๙. พิธีถวายผ้าอัจเจกจีวร
๒. พิธีถวายสลากภัตต์ ๑๐. พิธีทอดผ้าป่า
๓. พิธีตักบาตรน้ำผึ้ง ๑๑. พิธีถวายผ้ากฐิน
๔. พิธีตักบาตรข้าวสาร ๑๒. พิธีถวายธูป เทียน ดอกไม้
๕. พิธีถวายเสนาสนะ กุฏิ วิหาร ๑๓. พิธีลอยกระทงตามประทีป
๖. พิธีถวายศาลาโรงธรรม ๑๔. พิธีถวายธงเพื่อบูชา
๗. พิธีถวายผ้าวัสสิกสาฏก ๑๕. พิธีถวายเวจกุฎี
๘. พิธีถวายผ้าจำนำพรรษา ๑๖. พิธีถวายสะพาน
ยังมีทานพิธีพิเศษอีกหลายพิธี
แต่ในที่นี้จะนำเฉพาะทานพิเศษมาแสดงเพิ่มเติมอีก ๕ พิธี คือ
๑. พิธีถวายปราสาทน้ำผึ้ง
๒. พิธีถวายโรงอุโบสถ
๓. พิธีถวายยานพาหนะ
๔. พิธีถวายคัมภีร์พระไตรปิฎก
๕. พิธีถวายคัมภีร์พระธรรม
แนวคำถาม - คำตอบ
๑. สังฆทาน ได้แก่ทานเช่นไร
ในครั้งพระพุทธกาลท่านแบ่งสังฆทานไว้กี่ประเภท ?
๑. สังฆทาน คือ ทานที่อุทิศแก่สงฆ์ มิได้เฉพาะเจาะจงแก่บุคคล ในครั้งพุทธกาล
ท่านแบ่งสังฆทานไว้ ๗ ประเภท คือ ๑)
ถวายแก่ภิกษุและภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๒) ถวายแก่หมู่ภิกษุ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๓) ถวายแก่หมู่ภิกษุณี มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๔) ถวายแก่หมู่ภิกษุและภิกษุณี
ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๕)
ถวายแก่หมู่ภิกษุ ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๖)ถวายแก่หมู่ภิกษุณี ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ๗) ร้องขอต่อสงฆ์ให้ส่งใคร
ๆ ไปรับ แล้วถวายแก่ผู้นั้น.
๒. ในการถวายสังฆทาน
นิยมประดิษฐานพระพุทธปฏิมาเป็นประธานประหนึ่งว่าถวายแก่สงฆ์มีพระพุทธปฏิมาเป็นประมุข
หากเป็นเวลารีบด่วนจัดไม่ทัน จึงไม่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมาในพิธีนั้น
และถวายสังฆทานดังนี้ ทานนั้นก็ไม่เป็นสังฆทานละซี หรือท่านเห็นอย่างไร
จงตอบอ้างหลัก ?
๒. ทานนั้นถือเป็นสังฆทานที่ถูกต้อง อ้างหลักการถวายสังฆทานในศาสนพิธีเล่ม ๒
ข้อที่ (๕) ถวายแก่หมู่ภิกษุ
ไม่มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข (๗) ร้องขอต่อสงฆ์ให้ส่งใคร
ๆ ไปรับ แล้วถวายแก่ผู้นั้น.
๓. ทานพิธี หมวดที่ ๓
ในศาสนพิธีเล่ม ๒ กล่าวเรื่องถวายทานประเภทอาหาร
ท่านจำแนกไว้กี่อย่าง อะไรบ้าง ?
๓. ท่านจำแนกไว้ ๔ อย่าง คือ (๑) พิธีถวายสังฆทาน (๒) พิธีถวายสลากภัตต์ (๓)พิธีตักบาตรข้าวสาร (๔) พิธีตักบาตรน้ำผึ้ง.
๔. ผ้าป่าคือผ้าอะไร ประเพณีการทอดผ้าป่ามีกำหนดการทอดหรือไม่ ?
๔.
ผ้าบังสุกุลคือผ้าป่าที่เปื้อนฝุ่น ไม่มีเจ้าของหวงแหน
เรียกว่าผ้าป่า ไม่มีกำหนดเวลาการทอด.
๕. ผ้าวัสสิกสาฎก คือผ้าเช่นไร
ใครเป็นผู้ถวาย ใครเป็นผู้รับ และผ้านี้ใครเป็นผู้ถวายเป็นคนแรก ?
๕. คือผ้าสำหรับใช้ในเวลาอาบน้ำฝน หรืออาบน้ำทั่วไป ทายกทายิกาเป็นผู้ถวาย
พระภิกษุสงฆ์เป็นผู้รับ
นางวิสาขาทูลขอต่อพระพุทธเจ้าเพื่อจะถวายแก่ภิกษุเป็นครั้งแรก.
๖. สลากภัตต์ ได้แก่ภัตต์เช่นไร ท่านนิยมทำกันในเดือนไหน และมีวิธีทำอย่างไร ?
๖.
ได้แก่ภัตตาหารที่ทายกทายิกาจัดถวายตามสลาก
ในครั้งพุทธกาลโดยไม่มีกำหนดกาล แล้วแต่ศรัทธาแต่ในปัจจุบันนิยมทำกันในเดือนที่ผลไม้ต่างๆ
บริบูรณ์ โดยให้หัวหน้าทายกรับหน้าที่ประกาศบอกบุญ หรือ แจกฎีกา
เพื่อให้รู้กำหนดเวลาและสถานที่ เมื่อถึงวันกำหนดก็จัดภัตตาหาร พร้อมทั้งไทยธรรม
ซึ่งมักประกอบด้วยผลไม้ฤดูนั้น ๆ ตามกำลังของตน นำไปสู่สถานที่ ที่กำหนดไว้ แล้วทำสลากเป็น
๒ ชุด โดยจะเขียนชื่อของพระภิกษุสามเณรในวัดนั้นทั้งหมด หรือจะเขียนเป็นหมายเลข
ให้ครบตามจำนวนของพระภิกษุสามเณรทั้งหมดก็ได้ ชุดที่ ๑
ให้ทายกทายิกาจับแล้วนำไปติดไว้ที่ไทยธรรมของตน ๆ อีกชุดหนึ่งให้ภิกษุสามเณรจับ
รูปใดจับได้หมายเลขของใคร ก็ให้ผู้นั้นถวายแก่รูปนั้น ดังนี้
ได้ชื่อว่าถวายสลากภัต.
๗. เรื่องการตักบาตรข้าวสาร เป็นประเพณีนิยมทำในยุคไหน
ในสมัยนั้นมีพระมหากษัตริย์องค์ใดเป็นผู้ริเริ่มและการตักบาตรข้าวสารนี้
จะสงเคราะห์ลงในบุญกิริยาวัตถุข้อใด ขอฟังเหตุผล ?
๗. การตักบาตรข้าวสารนี้ เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นในเมืองไทยเรานี่เอง
คือสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ ๕
เพราะมีพระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในหนังสือ พระราชพิธี ๑๒
เดือน เป็นต้นมาแต่อย่างไรก็ตาม การตักบาตรข้าวสารก็นับเข้าเป็นบุญกิริยาวัตถุ คือ
ทานมัย โดยทำเป็นสังฆทานบ้าง ปาฏิบุคคลิกทานบ้าง ตามเจตนาของผู้ถวาย.
๘. ผ้าจำนำพรรษากับผ้าอัจเจกจีวร ต่างกันหรือเหมือนกันอย่างไร
จงชี้แจงพอเข้าใจ ?
๘. ต่างกัน เพราะผ้าจำนำพรรษา
เป็นผ้าที่อยู่ในเขตกาลที่พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับได้ภายในเวลากำหนด
ส่วนผ้าอัจเจกจีวร คือ ผ้าจำนำพรรษาที่ทายกถวายก่อนกำหนดกาล.
๙. นักเรียนคงทราบดีแล้วว่าประเพณีลอยกระทง
ที่เมืองไทยเราได้นับถือกันมาแต่ครั้งโบราณกาล
มีประเพณีที่บัณฑิตได้กล่าวไว้ในพระสูตรไหนบ้าง ขอทราบรายละเอียดพอได้ความ ?
๙. สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปยังแม่น้ำนัมมทานที พญานัมมทานาคราชอาราธนาให้เสด็จไปสู่นาคพิภพด้วยศรัทธาเลื่อมใส
เพื่อจะถวายสักการะบูชา
เพระองค์จึงเสด็จไปแสดงธรรมโปรดพญานาคราชพร้อมทั้งบริวารแล้วเสด็จกลับ ขณะนั้น
พญานาคได้กราบทูลขอสิ่งที่ระลึกอย่างใดอย่างหนึ่งไว้
เพื่อเป็นอนุสาวรีย์ที่กราบไหว้บูชาในกาลต่อไป พระพุทธเจ้าจึงประทานให้ตามความประสงค์
โดยประดิษฐานฝ่าพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำ ให้เป็นที่บูชาของพญานาคสืบมา
โดยคติที่เชื่อถือเรื่องราวตามที่กล่าวไว้ในปุณโณวาทสูตร เป็นหลักอ้าง.
หมวดที่ ๔ ปกิณณกพิธี
ขนบธรรมเนียม บางอย่างที่ชาวพุทธจะต้องปฏิบัติ
ในการประกอบศาสนพิธีดังกล่าวข้างต้น ที่ควรศึกษามีอีก ๕ อย่าง คือ
๑. วิธีสวดมนต์ไหว้พระของนักเรียน
๒. วิธีไหว้ครูสำหรับนักเรียน
๓. วิธีจับด้ายสายสิญจน์
๔. วิธีบังสุกุลเป็น
๕. วิธีบอกศักราช.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น